การเคลื่อนที่ในการเล่นกีฬาแบดมินตัน
1. ความหมายของการเคลื่อนที่
เจียมศักดิ์ พานิชชัยกุล (2530 : 63 - 66) ได้ให้ความหมายของการเคลื่อนที่ลักษณะต่างๆ ไว้ว่า แบดมินตันเป็นเกมที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อนที่ย้ายตัววิ่งไล่ตีลูกตลอดเวลาผู้เล่นจึงต้องอาศัยการวิ่งเข้าออกและประชิดตีลูกในจังหวะที่ถูกต้องในอิริยาบถที่ถนัด เคลื่อนย้ายตัวตีลูกด้วย ความง่ายดายและสิ้นเปลืองแรงน้อยที่สุด
การเคลื่อนที่ (Foot Work) ไปยังตำแหน่งต่างๆ ของสนามทำได้หลายอย่าง เช่น
การก้าวเท้า การสืบเท้าหรือสไลด์ การวิ่ง การกระโดด เป็นต้นโดยทั่ว ๆ ไปจะกระทำดังนี้
1.1 การวิ่งไปข้างหน้า หมายถึง การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในกีฬาแบดมินตันนี้จะเป็นการก้าวเท้าเพียง 2 - 5 ก้าวหรือมากกว่านี้หรือเป็นการพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้ตีโต้ลูกได้ทันเหตุการณ์ การวิ่งไปข้างหน้าส่วนมากจะเป็นการก้าวหน้าแบบยาว ๆ หรืออีกประการหนึ่งคือ สืบเท้า หรือลากเท้าหลังเข้ามาประชิดเท้าหน้า และเท้าหน้าก็เลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วก้าวสุดท้ายที่รับลูกมักจะเป็นก้าวที่ยาวมากกว่าปกติ หรืออาจจะเป็นการกระโดดขึ้นแล้วเล่นลูกเพื่อช่วยใน การทรงตัว หรือเพื่อมิให้เสียหลักในการเล่น
1.2 การวิ่งถอยหลัง หมายถึง การเคลื่อนที่ไปข้างหลังโดยที่หน้าหันไปหาคู่ต่อสู้ การถอยหลังมักนิยมถอยแบบเท้าหนึ่งกระโดดถอยไปแล้วลากเท้าหนึ่งเข้ามาชิด เท้าที่ถูกชิด ก็พุ่งถอยหลังไปอีก
การวิ่งไปข้างหน้าหรือถอยหลังนี้มีประโยชน์ในการเล่นกีฬาทุกชนิด ดังนั้นผู้เล่น
ทุกคนจึงต้องพยายามฝึกหัดให้เกิดความชำนาญ และให้มีความคล่องตัวในการที่จะเล่น และการเปลี่ยนทิศทางในเฉียบพลันทันที ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งไปข้างหน้าหรือถอยกลับไปข้างหลังก็ตาม การฝึกจะต้องฝึกควบคู่กันไปกับการจับและถือไม้แร็กเกตตีกลางอากาศ เพื่อให้มีความ รู้สึกชินต่อการเหวี่ยงไม้ในลักษณะต่าง ๆ เช่น ตีลูกหยอด ลูกตบหน้ามือ ลูกตบเหนือศีรษะ เป็นต้น
1.3 การสไลด์ หมายถึง การก้าวเท้าหนึ่งไปแล้วลากเท้าหนึ่งเข้ามาชิด เท้าที่ถูกชิดจะต้องรีบพุ่งออกไปทันที ส่วนมากจะเป็นการก้าวหรือสไลด์ไปด้านข้าง ครั้งแรกให้ผู้เล่นฝึกการสไลด์ติดต่อกัน 2 - 3 ก้าว แล้วตีลูกตามความเหมาะสม
@ การสไลด์ไปทางขวา โดยก้าวเท้าขวานำไปก่อนแล้วลากเท้าซ้ายมาชิด เท้าขวา เท้าขวารีบก้าวหรือขยับไปข้างขวาทันที การสไลด์ไปทางขวานี้ให้หัดตีลูกหน้ามือ ลูกดาด ลูกหยอด ลูกตบ เป็นต้น
@ การสไลด์ไปทางซ้าย ให้ปฏิบัติตรงกันข้ามกับการสไลด์ไปทางขวา แต่ก่อนการตีลูกมักจะก้าวเท้าขวาข้ามเลยเท้าซ้ายไป และตีลูกหลังมือหรือลูกหยอดจากหลังมือ และลูกดาดด้วย เช่นกัน แต่บางครั้งถ้าลูกพุ่งมาโด่งพอก็อาจจะตบได้เช่นกัน
การสไลด์เท้าไปข้าง ๆ นี้ผู้เล่นจะต้องฝึกให้เกิดความชำนาญโดยเฉพาะการสไลด์เท้าไปทางซ้ายเพื่อตีลูกในลักษณะตีด้วยลูกหลังมือ เพราะผู้เล่นส่วนมากมักจะขาดความชำนาญ ผู้จู่โจมหรือรุกจึงมักพยายามให้คู่ต่อสู้ใช้ลูกไม่ถนัดหรือไม่ชำนาญในการตอบโต้มากที่สุดแต่ถ้าผู้เล่นมี ความชำนาญแล้วก็จะได้รับประโยชน์ในการเล่น การเคลื่อนที่ในการเล่นกีฬานั้น เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นครึ่งหนึ่งของเกมทีเดียว จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เล่นจะต้องรู้จักเลือกใช้การเคลื่อนที่ เพื่อให้เหมาะสมกับการรับหรือการรุกของเกมตลอดจนรู้จักการถนอมกำลังไว้ในการเล่นเพื่อไม่ให้หมดแรงก่อนการเล่นจบลง ถ้าสามารถเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนทิศทางได้ทันต่อเกมแล้วย่อมมีโอกาสที่จะเป็นฝ่ายรุกจู่โจม หรือได้รับชัยชนะในที่สุด
ธนะรัตน์ หงส์เจริญ (2539 : 92) ได้กล่าวถึงความสำคัญในการเคลื่อนที่ตีลูกไว้ว่า การเคลื่อนที่เป็นส่วนสำคัญในการเล่นแบดมินตัน เนื่องจากแบดมินตันเป็นเกมเร็วผู้เล่นจึงจำเป็นต้องเคลื่อนตัวตีลูกไปทั่วสนามในช่วงเวลาที่จำกัด การเคลื่อนที่ที่ดีจะช่วยให้ผู้เล่นสามารถตีลูกได้ทันทีทั้งทางด้านหน้ามือ และหลังมือ ทั้งในระดับต่ำหรือสูง ทั้งในระยะที่ใกล้ตัวหรือห่างตัวก็ตาม อีกทั้ง ฝึก การก้าวเท้าให้เกิดความชำนาญควบคู่ไปพร้อมกับการตีลูกให้มาก การวิ่งเคลื่อนที่จะทำได้ดีควรฝึก การสไลด์เท้า โดยมีเท้านำเท้าตามไปทุกทิศทางทั้งทางด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง ฝึกการสปริงข้อเท้าด้วยการบริหารข้อเท้า กระโดดเชือก ฝึกการวิ่ง การหยุด การพลิกตัวเปลี่ยนทิศทางให้เกิด ความชำนาญจะทำให้การเล่นแบดมินตันพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ วาสนา คุณาอภิสิทธิ์ (2546 : 28) ยังได้กล่าวไว้ว่าการเคลื่อนไหวลำตัว
ที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มกำลังความสามารถในการบังคับลูก และการกลับเข้าที่อย่างไม่เสียการทรงตัว
2. การยืนเตรียมพร้อมในการเล่นกีฬาแบดมินตัน
เจียมศักดิ์ พานิชชัยกุล (2530 : 63) กล่าวถึงการยืนเตรียมพร้อมไว้ดังนี้ การยืนเตรียมพร้อมเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากทั้งในการฝึกและการแข่งขัน เพราะจะทำให้ผู้เล่นพร้อมที่ จะเล่น หรือตีลูกขนไก่ได้ทันตลอดเวลา ไม่ว่าลูกขนไก่จะมาทางด้านไหน ผู้ที่ยืนเตรียมพร้อมจะสามารถเคลื่อนที่ไปได้ทุก ๆ ด้านได้ทันตลอด นอกจากนี้การยืนเตรียมพร้อมยังช่วยให้ผู้เล่นมีสมาธิที่จะตีลูก ขนไก่ในแต่ละครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ลักษณะการยืนเตรียมพร้อมในกีฬาแบดมินตันที่สำคัญ ๆ มีดังนี้
2.1 การยืนเตรียมพร้อมที่จะตีลูกขนไก่ การยืนเตรียมพร้อมที่จะตีลูกขนไก่ทำ โดยการแยกเท้าให้เท้าทั้งสองข้างอยู่เหลื่อมล้ำกันเล็กน้อย แล้วย่อตัวลงทิ้งน้ำหนักตัวลงที่ปลายเท้า ทั้งสองข้าง ลำตัวโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อยมือจับไม้แร็กเกตให้ถูกต้องตามองตามทิศทางของลูกขนไก่และคู่ต่อสู้ตลอดเวลา การเตรียมพร้อมเช่นนี้สามารถใช้แรงดันหรือบิดเอี้ยวเล็กน้อย เท้าทั้งสองข้างก็จะพาผู้เล่นพุ่งออกสู่ทิศทางต่างๆ ตามความต้องการเพื่อปรับจังหวะเท้าวิ่งเข้าประชิดลูกขนไก่ไม่ว่า ลูกขนไก่จะมาทางด้านขวาหรือซ้ายของลำตัว
2.2 การยืนเตรียมพร้อมที่จะรับลูกขนไก่ ในลักษณะการยืนเตรียมพร้อมที่จะรับลูก
ขนไก่ผู้เล่นจะต้องมีหลักในการยืน ที่สำคัญที่สุดคือไม่ควรยืนเท้าตาย (เท้าตาย คือ ยืนเท้าขนานเสมอกันเต็มทั้งสองเท้า) ควรยืนโดยใช้เท้าข้างใดข้างหนึ่งนำหน้า อาจเป็นเท้าซ้ายหรือเท้าขวาก็ได้เพื่อ การเคลื่อนไหวที่สะดวกไม่ว่าไปทางด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านหลัง การเคลื่อนที่ของเท้าที่ดีคือการก้าวเท้าแบบสืบเท้าไปด้านข้าง
3. การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ
เจียมศักดิ์ พานิชชัยกุล (2530 : 66 - 72) ได้เสนอแนะวิธีการเคลื่อนที่ของนักกีฬาแบดมินตันไว้ 3 ลักษณะ คือ
3.1 การเคลื่อนที่ไปด้านหน้า มีอยู่ 3 ลักษณะดังนี้
@ เคลื่อนที่ 2 ก้าว ทำโดยก่อนก้าวให้ถ่ายน้ำหนักตัวไปทางเท้าขวาแล้ว ก้าวเท้าซ้ายออกไป 1 ก้าวสั้น สุดท้ายก้าวเท้าขวาออกไป 1 ก้าวยาว
@ เคลื่อนที่ 3 ก้าว ทำโดยให้ถ่ายน้ำหนักตัวไปเท้าซ้ายแล้วก้าวเท้าขวาไป 1
ก้าวสั้น ก้าวเท้าซ้ายไป 1 ก้าวสั้น สุดท้ายก้าวเท้าขวาไป 1 ก้าวยาว พร้อมตีลูกขนไก่
@ ก้าวชิดก้าว ถ่ายน้ำหนักตัวไปอยู่เท้าซ้าย แล้วก้าวเท้าขวาออกไปหนึ่งก้าว
แล้วลากเท้าซ้ายไปชิดเท้าขวา พร้อมกับก้าวเท้าขวาออกไปหนึ่งก้าวยาว
3.2 การเคลื่อนที่ไปด้านหลัง มี 3 ลักษณะดังนี้
@ การเคลื่อนที่สไลด์เท้าถอยหลัง เวลาถอยหลังให้ตัวเฉียงแล้วถอย สไลด์ไป ผู้ที่ถนัดมือขวาให้เท้าขวานำ เท้าซ้ายตามจะถอยกี่ก้าวต้องแล้วแต่ว่าลูกจะมาแรงหรือค่อย การถอยหลังแบบนี้ค่อนข้างจะเร็ว และว่องไว จึงเป็นวิธีที่ใช้กันมาก
@ การเคลื่อนที่โดยการไขว้เท้าถอยหลัง ให้เท้าขวากับเท้าซ้ายถอยหลัง
สลับกันตามธรรมชาติจะถอยกี่ก้าวก็ได้ตามความต้องการ
@ การถอยหลังตีลูกหลังมือ
E 2 ก้าว ถอยเท้าซ้ายไปหนึ่งก้าวแล้วหันตัวไปพร้อมกับก้าวเท้าขวาไปหนึ่งก้าว
E 3 ก้าว ถอยเท้าขวาออกแล้วถอยเท้าซ้ายเป็นก้าวที่ 2 แล้วหันตัวพร้อมกับก้าวเท้าขวาออกไปหนึ่งก้าว
3.3 การเคลื่อนที่ไปด้านข้าง การเคลื่อนที่ไปด้านข้างเพื่อรับลูกตบมี 3 ลักษณะดังนี้
@ การเคลื่อนที่ 1 ก้าว เป็นการเคลื่อนที่ใกล้ตัว
4. หลักทั่วไปเกี่ยวกับการเคลื่อนที่
ธนะรัตน์ หงส์เจริญ (2537 : 49 - 51) ได้เสนอแนะหลักทั่วไปเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ไว้ดังนี้
4.1 ต้องอยู่ในลักษณะท่าเตรียมพร้อม คือยืนให้น้ำหนักลงที่ปลายเท้าทั้งสองข้าง ระหว่างเท้าห่างกันประมาณช่วงไหล่ เข่าย่อ ถือไม้แร็กเกตขึ้นพร้อมที่จะตีลูกได้ทันที
4.2 การเคลื่อนที่ทำได้ใน 2 ลักษณะ คือการก้าวเท้า และการสืบเท้า หรือสไลด์เท้าผู้ที่ถือไม้แร็กเกตด้วยมือขวาจะต้องให้เท้าขวานำในการก้าวเท้า หรือสืบเท้า ซึ่งควรบิดสะโพกช่วยด้วย ทุกครั้งจะทำให้การก้าวเท้า การหมุน การกลับตัวทำได้รวดเร็วคล่องแคล่ว
4.3 สำหรับคนที่ถือไม้แร็กเกตมือขวาก้าวสุดท้ายก่อนการตีลูกต้องเป็นเท้าขวาเสมอส่วนผู้ที่ถนัดซ้ายก็ทำตรงข้าม และในก้าวสุดท้ายควรฝึกให้ก้าวยาวกว่าปกติเล็กน้อย และต้องให้ ส้นเท้าลงก่อนทุกครั้งด้วย
การเคลื่อนที่เป็นส่วนสำคัญในการเล่นแบดมินตัน เนื่องจากแบดมินตันเป็นเกมที่เร็ว ผู้เล่นจำเป็นต้องเคลื่อนตัวตีลูกไปทั่วสนามในช่วงเวลาที่จำกัด การเคลื่อนที่ที่ดีจะช่วยให้ผู้เล่นตีลูก ได้ทันทั้งด้านหน้ามือ ด้านหลังมือ ทั้งในระดับสูงและระดับต่ำใกล้ตัวหรือห่างตัว อีกทั้งควรฝึก การก้าวเท้าให้เกิดความชำนาญควบคู่กันไปด้วย พร้อมกับการตีลูกให้มาก การฝึกเคลื่อนที่จะทำได้ดีควรฝึกการสไลด์เท้า โดยมีเท้านำเท้าตามไปทุกทิศทางทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้างฝึกการสปริง ข้อเท้าด้วยการบริหารข้อเท้า กระโดดเชือก ฝึกการวิ่ง การหยุด การพลิกตัวเปลี่ยนทิศทางให้เกิดความชำนาญจะทำให้การเล่นแบดมินตันพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว การวิ่งเคลื่อนที่ควรฝึกไปตามลำดับต่อไปนี้
1) การวิ่งเข้าหน้าและถอยหลัง สำหรับคนที่ถือไม้แร็กเกตมือขวา เริ่มจากท่าเตรียมพร้อมยืนด้วยปลายเท้าย่อเข่าห่างจากเส้นส่งลูก ตรงกึ่งกลางสนามประมาณ 3 ฟุต การวิ่งโดยก้าวเท้าขวานำ ให้ปลายเท้าขวาชี้ไปยังทิศทางที่จะไปแล้วก้าวเท้าซ้ายตามไปในลักษณะสืบเท้าหรือสไลด์ตามลักษณะการวิ่งจะเอียงลำตัวด้านขวานำโดยไหล่จะหันไปทางเดียวกับเท้า เมื่อถึงที่หมาย อันเป็นก้าวสุดท้ายให้เอาส้นเท้าลงก่อน เพื่อช่วยในการหยุดไม่ให้เซไปข้างหน้า ขณะเดียวกันเท้าที่อยู่ข้างหลังบริเวณปลายเท้า ส่วนนิ้วหัวแม่เท้าด้านขวาจะกดติดกับพื้นสนามเป็นการช่วยหยุดเพื่อการทรงตัวและยังช่วยในการถอนตัวกลับ การถอยหลังก็ให้ถ่ายน้ำหนักตัวมาข้างหลัง พร้อมกับถอนเท้าหน้าไปไว้ด้านหลัง ไหล่ซ้าย และปลายเท้าซ้ายจะชี้ไปในทิศทางเดิมให้ถอยเท้าขวานำและสไลด์เท้าซ้ายตาม สำหรับคนที่ถือไม้แร็กเกตมือซ้ายก็ให้ทำตรงกันข้า
2) การวิ่งออกด้านข้างซ้ายและขวา สำหรับคนที่ถือไม้แร็กเกตด้วยมือขวาจาก
ท่าเตรียมพร้อมให้ก้าวเท้าขวานำแล้วก้าวเท้าซ้ายสไลด์ตาม ลักษณะเท้าและลำตัวคล้ายกับวิ่งเข้าหน้าและถอยหลัง แต่ไปด้านข้างขวาของการตีหน้ามือ ส่วนการตีหลังมือเมื่อยืนอยู่จุดกลางในท่าเตรียมพร้อมให้ก้าวเท้าขวาไขว้ไปด้านซ้ายแล้วใช้เท้าขวาก้าวนำ ส่วนคนที่ถือไม้แร็กเกตด้วยมือซ้ายให้ทำตรงกันข้าม
3) การวิ่งเคลื่อนที่ 4 จุด สำหรับคนที่ถือไม้แร็กเกตด้วยมือขวาจากท่าเตรียมพร้อม
บริเวณกลางสนามค่อนไปข้างหน้าให้วิ่งเข้าหน้า และถอยหลังแบบเดิมเพียงแต่ต้องก้าวเท้าไปอย่างมีเป้าหมายอยู่ที่มุมสนาม 4 จุด กล่าวคือ มุมขวาของตาข่ายจุดที่ 1 มุมซ้ายของตาข่ายจุดที่ 2 มุมหลังด้านขวาของสนามเป็นจุดที่ 3 มุมหลังด้านซ้ายของสนามเป็นจุดสุดท้าย สิ่งสำคัญให้เน้นการก้าวจังหวะสุดท้ายก่อนการตีลูกให้ใช้ส้นเท้าลงก่อน และปลายเท้าชี้ไปในทิศทางเดียวกัน
4) การวิ่งเคลื่อนที่ 6 จุด สำหรับคนที่ถือไม้แร็กเกตด้วยมือขวา จากท่าเตรียมพร้อม
บริเวณจุดกึ่งกลางสนามค่อนไปข้างหน้า ลักษณะการวิ่งเป็นการผสมระหว่างการวิ่งเข้าหน้าและถอยหลังกับการวิ่งออกด้านข้างซ้ายและขวา โดยมีเป้าหมายทั้งหมด 6 จุดของสนาม คือ 2 จุดด้านหน้าซ้ายและขวา 2 จุดด้านข้างสนามซ้ายและขวา และ 2 จุดสุดท้ายที่มุมหลังด้านซ้ายและขวาของสนาม สำหรับการวิ่งเคลื่อนที่ทั้ง 6 จุด ให้เน้นทิศทาง โดยหันลำตัว หัวไหล่ และปลายเท้าชี้ไปยังตำแหน่งที่จะตีลูก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของข้อเท้าพลิกและทิศทางควรเป็นไปด้วยความถูกต้อง
5. การใช้สายตาและลำตัว
สายตา
วาสนา คุณาอภิสิทธิ์ (2546 : 27)ได้กล่าวถึงการใช้สายตาไว้ว่า ผู้เล่นที่มีสายตาว่องไวจะได้เปรียบเพราะสารมารถสังเกตเห็นลูกและการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงกันข้ามได้เร็วทำให้มีโอกาสในการโต้ตอบได้ดีกว่า การใช้สายตาให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่จะมีผลต่อการเตรียมพร้อม ความเร็ว และการวางลูก โดยทั่วไปผู้เล่นต้องใช้สายตาดังนี้
C จับตาดูลูกอยู่ตลอดเวลาทั้งในขณะที่ฝ่ายตรงกันข้ามตีเข้ามาหรือจากการตีของ
ตนเอง ต้องยกแร็กเกตขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลา อย่าก้มหน้าเพราะจะทำให้ตีได้ไม่ดีและพลาดได้ง่าย
C สังเกตตำแหน่งการยืนของฝ่ายตรงกันข้ามทุกขณะด้วยเพราะจะทำให้สามารถ
วางลูกได้ดีและเหมาะสม
C สังเกตท่าทางการตีของฝ่ายตรงกันข้ามรวมทั้งการใช้ความเร็ว มุม และทิศทางของหน้าแร็กเกตก่อนการตอบลูก การสังเกตความเร็วนั้นจะทำให้เราคาดได้ว่าลูกขนไก่ที่ฝ่าย ตรงกันข้ามตีมานั้นจะไปได้ไกล เร็ว สั้น หรือช้าเพียงใด การสังเกตมุมจะทำให้คาดได้ว่าลูกที่มานั้นสูงหรือต่ำแค่ไหน และการสังเกตดูทิศทางของหน้าแร็กเกตก็ทำให้คาดได้ว่าฝ่ายตรงกันข้ามจะตีลูกหน้ามือหรือหลังมือ
ฉะนั้น จึงต้องรู้จักสังเกตท่าทางของฝ่ายตรงกันข้ามแม้จะยากแต่ถ้าทำได้ก็จะมีประโยชน์มากเพราะจะทำให้เราสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วหรือเคลื่อนที่ไปก่อนการตีลูก และต้องฝึกไม่ให้สายตาวอกแวก ต้องตั้งใจและไม่ก้มหน้า การใช้สายตาอย่างฉลาดก่อให้เกิดประโยชน์ 3 ประการคือ ความแม่นยำ ตำแหน่งการวางลูก และความเร็ว
ลำตัว
วาสนา คุณาอภิสิทธิ์ (2546 : 28) ได้กล่าวถึงการใช้ลำตัวไว้ว่า ลำตัวมีส่วนช่วยในการตีลูกทุกครั้ง ถ้าใช้ประกอบได้ดีและถูกต้องแล้วจะทำให้ตีลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะสามารถช่วยเพิ่มความแรงและความแม่นยำ จึงควรปฏิบัติดังนี้
E การตีลูกเหนือศีรษะ ถ้าต้องการเพิ่มความแรงในการตีจะต้องแอ่นลำตัวไปข้าง
หลังและหันด้านข้างให้กับตาข่ายในขณะสวิงแร็กเกตไปข้างหลัง แล้วยืดลำตัวตรงและขนานกับตาข่ายในขณะแร็กเกตกระทบลูก
E การตีลูกหยอดหน้าตาข่ายและการส่งลูกสั้น จะต้องหันไหล่หรือเอียงลำตัวไปยัง
ทิศทางที่ต้องการจะตีลูกไปพอสมควร
E ต้องรักษาสมดุลร่างกายหรือรักษาการทรงตัวให้ดีเพื่อจะได้กลับที่เดิมได้อย่าง
รวดเร็วและไม่เสียหลักหลังจากการตีลูกต่าง ๆ ไปแล้ว
E ก่อนการตีลูกต่าง ๆ ส่วนมากจะเริ่มด้วยการย่อเข่าลงเล็กน้อยลำตัวตั้งตรงและจะ
ยืดเข่าขึ้นในขณะตีลูก ซึ่งท่าทางเหล่านี้เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง ขา ลำตัว แขน และข้อมือ
E ก่อนการตีลูกทุกครั้ง น้ำหนักตัวจะอยู่มาเท้าด้านหลังซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่สวิง
แร็กเกตไปข้างหลัง และเมื่อสวิงแร็กเกตมาข้างหน้าลำตัวก็จะยืดตรงขึ้นและโน้มลงมาด้านหน้าในขณะที่แร็กเกตกระทบลูก ลำตัวจะขนานกับตาข่าย น้ำหนักตัวจะตกอยู่ที่เท้าหน้า หลังจากนั้นจะยก
เท้าขวาตามมาเพื่อช่วยในการรักษาสมดุล
การเคลื่อนไหวลำตัวที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มกำลังความสามารถในการบังคับลูก และ การกลับเข้าที่อย่างไม่เสียการทรงตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น